วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

ชีทหน้าราม

ชีทหน้ารามมมมมมมมมมมมม... <อยากตะโกนดังๆยาวๆ>

"กล้วยปิ้งคู่มันปิ้งฉันท์ใด เด็กรามคู่ชีทหน้ารามฉันท์นั้น"

หากท่านใดได้มีโอกาสไปเรียนที่ราม2(บางนา) แล้วไม่ได้ไปกินกล้วยปิ้งมันปิ้งที่ราม2ถือว่ายังไปไม่ถึงราม2นะครับ สำหรับหน้านี้ไม่ได้มาเพื่อโฆษณากล้วยปิ้งแต่อย่างใด แต่จะกล่าวถึงชีทหน้าราม ซึ่งเป็นเสมือนของคู่เด็กราม จริงๆไม่อ่านชีทแต่อ่านหนังสือของมหาวิทยา่ลัยรามคำแหงเลยก็ได้ เพราะหนังสือของรามนั้นทั้งหนา และแน่นด้วยความรู้เลยจริงๆ(300+หน้าแทบทุกเล่มเลยนะ) อีกทั้งราคาถูก(ถูกม๊ากกกก) ถูกกว่าชีทหน้ารามที่ขายกันทั่วไปซะอีก (ส่วนใหญ่ไม่เกิน100หน้า)
คู่มือแนะนำการอ่านของชีทหน้ารามนั้นเขียนแทบจะทุกเล่ม ว่าเหมาะสำหรับผู้ไม่มีเวลา หรือเวลาน้อย นั่นแหละไอ้การจะมานั่งอ่านหนังสือเล่มหนาๆ ไปสอบนั้น เห็นจะไม่ทันการ ผู้เขียนจึงอยากจะแนะนำการอ่านหนังสือแบบเด็กรามกันซะหน่อย ชีทหน้ารามนั้น จะมีหลายๆร้านด้วยกัน ซึ่งยีห้อเด่นๆก็มีชมรมพ่อขุนประยุกต์ หาซื้อได้แถวๆซอย53 แล้วก็ชีทลุงชาวใต้ อยู่ประมาณซอย51มั้ง (ไม่แน่ใจ แวะซื้อชีทชมรมพ่อขุนฯ แล้วค่อยเดินมาร้านลุงชาวใต้ก็ได้ ไม่เจอก็เดินต่อไปเรื่อยๆเดี๋ยวเจอเอง) แต่ผู้เขียนขอบอกไว้เลยว่าไม่ได้มาโฆษณาให้ใคร หึหึ แต่จะมาแนะนำกันไปเลยว่า สำหรับวิชาพื้นฐานทั่วไปเนี่ย พวกPS103 HI103 EN101 102 ทั้งหลาย ต้องนี่เลยชมรมพ่อขุน เนื้อหาย่อสรุปไว้เรียบร้อย จะให้ดีอ่านข้อสอบด้วยก็ได้ แนะำนำว่า มีเพื่อนให้เพื่อนซื้อคนละเล่มแบ่งกันอ่าน อ่านทีละ2เล่มพร้อมกันไม่ได้อยู่แล้วนิ แล้วก็บางวิชานั้น อ่านเพียงข้อสอบก็สอบผ่านแล้ว (จริงๆนะ) เพราะข้อสอบของรามคำแหงนั้นหลายๆวิชาโดยเฉพาะข้อสอบ กขคง จะมีคำถามและคำตอบซ้ำเยอะมาก จำชีทได้ผ่านชัวร์ๆ ผู้เขียนเคยสอบST103 ได้ G มาแล้วโดยการอ่านเพียงข้อสอบเก่า ส่วนพวกวิชากฎหมายทั้งหลายแนะนำเลยครับร้านลุงชาวใต้ ร้านลุงเนี่ยหนังสือกฎหมายของลุงแกดีจริงๆ (ไปมาก็หลายครั้ง ก็ไม่รู้คนไหนคือลุงฯที่ว่า) แต่บางครั้งบางข้ออาจจะเฉลยผิดหรือเฉลยไม่ตรงกับอาจารย์ผู้สอน เพราะด้วยข้อสอบกฎหมายนั้นเป็นข้อสอบเขียนและวิเคราะห์ แต่น้อยมากจริงๆครับที่ไม่ตรง ที่แนะนำให้ซื้อชีทร้านลุงเนี่ย ซื้อแต่ข้อสอบเก่านะครับที่เป็นสรุปรวมข้อสอบเก่าน่ะ เพราะในนั้นจะเฉลยแบบที่สามารถจำรูปแบบเอาไปตอบได้เลย ตอบเหมือนลุงเป๊ะๆ ฟันธงครบหมด ได้Gแน่นอน ส่วนเล่มสรุปที่ร้านลุงทำนั้น ผู้เขียนไม่แนะนำ เนื่องจากว่า หนามากก ประมาณ200หน้า+ อีักทั้งอธิบายไม่ละเอียดพอ หรืออธิบายเป็นจุดๆ คนไม่เคยเรียนเคยอ่านอาจงงได้ ซึ่งตรงนี้แหละ สำหรับวิชากฎหมายนะครับ เน้นย้ำเลยให้อ่านจากหนังสือของรามโดยตรง เพราะนอกจากจะอธิบายละเอียดแล้ว ยังมีการยกฎีกาเป็นตัวอย่าง เสริมความเข้าใจ ง่ายต้องการจดจำนำมาวิเคราะห์(อันนี้สำคัญ) อีกทั้งชีทร้านลุงแพงมาก ประมาณ60-70บาท (หูยยย แพงอ่ะ) แล้วเล่มสรุปนั้นไม่ได้ดั่งใจก็จะเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
และสำหรับคนที่อยากประหยัดเงินลงมาซักหน่อย ลองแวะไปที่นี่เลยครับ รามคำแหงซอย51/1 ร้านจะอยู่ข้างในทางซ้ายมือสังเกตุง่ายๆหน้าซอยจะเป็นร้านขายพวกตุ๊กตาเยอะๆ นั่้นแหละซอยนั้นเลย จะมีพวกชีทเก่า ข้อสอบเก่าของทั้งชมรมพ่อขุนฯและของร้านลุงฯ หาซื้อกันได้ และยังมีธงคำตอบของกฎหมายแต่ละตัวด้วยนะ แล้วก็ยังรับซื้อชีทเก่าหนังสือเก่าด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าหอบไปขายหรือเปล่า ยังไงใครมีข้อมูล บอกกันมั่งนะครับ
อ้อๆ เกือบลืมเลยครับ มีอีกร้านนึง ชื่อร้านนิติธนิต อยู่ซอยรามคำแหง51/2 ชีทร้านนี้ ต้องบอกว่าดีเหมือนกันๆ เพราะการทำสถิติมาตราที่เคยออกเป็นเปอร์เซ็นให้ดูด้วยนะ เจ๋งจริงๆ การอธิบายก็ชัดเจนดี ตอบตรงก็น่าจะได้Gน่ะนะ ส่วนเรื่องสถิติมาตรา ผู้เขียนขอแนะนำให้รู้ไว้ทั้งหมด ส่วนที่ออกบ่อยๆต้องจำคำต่อคำได้เลย เพื่อจะได้เอามาตอบข้อที่ออกชัวร์ๆ เพราะข้อสอบมักจะออกซ้ำๆ กับปีก่อนๆ ส่วนข้อเหนือความคาดหมาย จะได้นำมาเป็นแนวยึดหรือไว้อ้างอิงเพิ่มเติมได้นั่นเอง
วันนี้แค่นี้ครับ ขอบคุณครับ

ติวเตอร์หน้าราม



ติวเตอร์หน้าราม
อย่างที่หลายๆท่านทราบกัน มหาวิทยาัลัยรามคำแหงนั้น นอกจากจะเป็นแหล่งให้ความรู้หรือที่เด็กรามเรียกกันว่า"ตลาดวิชา" บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยนั้นก็มีแหล่งขายวิชาอีกแห่งหนึ่ง(จริงๆก็หลายแห่ง) สถานศึกษาเหล่านั้นเปิดสอนพิเศษให้นักศึกษาแทบจะทุกคณะทุกกระบวนวิชา เรียงรายกันมากมายประหนึ่งว่าจะตั้งเป็นสถาบันแข่งกับราม จนบางคนเรียกกันเล่นๆว่า ราม2 (คนละที่กับรามบางนา อันนั้นรามจริงๆนะเออ แต่ึคนไปเรียนน้อยกว่าราม2หน้าราม1อีก แปลกจริงๆว่ะ) เป็นที่น่าแปลกใจว่า คนเรียนรามหน้าใหม่ๆนั้น มักจะมาถามผู้เขียนเสมอว่า "พี่ๆจะเรียนรามเนี่ย ต้องลงติวเตอร์ไหมอ่ะ" ผู้เขียนสงสัยซะเหลือเกินว่าเอ๊ะ นี่ถ้าไม่ลงติวเตอร์นี่คือเหมือนไม่ได้มาเรียนรามกันแล้วใช่ไหม ไอ้ติวเตอร์ที่มั่นอกมั่นใจเหลือเกิน มีทั้งรับประกันจบใน2ปีครึ่ง ผ่านร้อยเปอร์เซ็น พันเปอร์เซ็น ล้านเปอร์เซ็นก็ยังมีผ่านตามาให้เห็นบ้างตามใบปลิว(แจกกันได้ทุกวัน ถ้าเอามาปูพื้นคงปูนอนกันได้ทั้งหมู่บ้าน) ผู้เขียนขอยืนยันเลยนะครับ ว่าไม่ต้องไปลงมันหรอก เสียเงินเสียทองเปล่าๆ แค่เราตั้งใจเข้าไปนั่งเรียนทุกคาบ หรือ2-3คาบสุดท้ายถ้าไม่มีเวลาจริงๆ และะตั้งใจอ่านหนังสืออยู่บ้าน ไม่ต้องเสียค่ารถค่าลาค่าม้าค่ารถเมย์มาถึงหน้ารามหรอกครับ แค่ว่างๆเปิดดูเทปย้อนหลังในอินเตอร์บ้าง ทำข้อสอบเก่าเยอะๆ แค่นี้ก็ได้Gกันสบายๆแล้วถ้าตั้งใจจริง และอยากตั้งข้อสังเกตุนิดนึงครับ พวกติวเตอร์ที่มันรับประกันนักหนาเนี่ย ผ่านร้อยเปอร์เซ็นมั่ง พันเปอร์เซ็นมั่ง น่าแปลกนะครับ ถ้าผ่านได้จริงๆแล้ว ลองไปเดินดูช่วงประกาศผลสอบสิครับ แหม มีเปิดติวเตอร์ภาคซ่อมด้วย แล้วมันผ่านร้อยเปอร์เซ็นจริงๆไหมเนี่ย?

เรียกสติเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ

ให้กำลังใจคนเรียนรามครับ

เป็นกำลังใจให้คนเรียนรามทุกคนทุกท่านครับ
สาวรามยามเย็น - บิว กัลยาณี

เทคนิคการลงให้จบไว จากคุณเจ็ดใบ ณ pantip




สำหรับหน้านี้ คือเทคนิคการลงให้จบไว จากคุณเจ็ดใบ บอร์ดพันทิพย์ ผู้เขียนเห็นว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ ที่ควรจะได้อ่านกันไว้จึงขอนำมาลง ซึ่งหากผู้อ่านอยากอ่านของต้นฉบับเลยนั้น เชิญที่
เทคนิคการลงให้จบไว(คณะนิติศาสตร์)
หรือสนใจเกี่ยวกับคณะเศรษฐศาตร์เชิญที่ื
บัญชีราม



เทคนิคการลงให้จบไว จากคุณเจ็ดใบ ณ pantip

การเรียนรามปี 1 เทอม 1 นั้น ดูเหมือนว่ามหาวิทยาลัยจะมีวิชาให้เลือกเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียว ในกระดาษแผ่นนั้น ก็จะมีวิชาปี 1 ทั้งนั้น
วิชากฎหมายก็คงมี LW 101 ส่วน 102 หรือวิชาต่อๆ ไป ถ้าผมจำไม่ผิด ไม่น่าจะมี

แต่ ความจริงแล้ว ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลยที่ห้ามมิให้พวกน้องๆ เรียนวิชาปี 2 3 และ 4 ดังนั้น หากน้องบอกเจ้าหน้าที่ว่าประสงค์จะลงเรียนวิชาปี 2 เช่น LW 203 นิติกรรมสัญญา LW 204 หนี้ ก็สามารถทำได้

น้องจะต้องซื้อสมุดลงทะเบียน สีน้ำเงิน และซื้อหนังสือพิมพ์บาร์โคด มา เพื่อจะตัดบาร์โค้ด และแปะไว้กับสมุดลงทะเบียน

มี ปัญหามากว่า ทำไมเจ้าหน้าที่รามถึงห้ามมิให้น้องๆ ลงทะเบียนวิชาของปี สอง ปีสาม แล้วน้องๆ หลายคนที่เชื่อตามเจ้าหน้าที่ โดยมิได้ขอดูระเบียบของมหาวิทยาลัย

น้องหลายคนลงทะเบียนเรียนแค่ 18 หน่วยกิต ทั้งที่ มหาวิทยาลัย ให้สิทธิน้องๆ ลงได้ถึง 24 หน่วยกิต แต่เพราะมีเจ้าหน้าที่บางคนบอกว่า จะเรียนไม่ไหว และเรียนไม่ได้ ให้เรียนเป็นลำดับขั้นแล้วจะจบเอง ผมเป็นคนหนึ่งที่คุยกับเจ้าหน้าที่ และพยายามบอกว่า ผมจะเรียนให้จบภายใน 2 ปีครึ่ง

การเรียนที่รามให้จบไวไวนั้น ต้องมีสิ่งดังต่อไปนี้

1. เวลาที่พอเพียง
หากคุณทำงานหัวปักหัวปำ คุณจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ และสอบตกในที่สุด

2. ความขยันหมั่นเพียร
การ เรียนกฎหมายที่ดี จะต้องวางแผนการอ่านหนังสือ จบเป็นวิชาๆ หากคุณอยากอ่าน 203 ก็หยิบมาอ่าน อ่านแค่สิบหน้า คุณก็ไปอ่าน 204 วันต่อไป อ่าน 205 แล้วอย่างนี้จะจบได้อย่างไร น้องจะต้องอ่านให้จบเป็นวิชาๆ
กฎหมายมีหนังสือให้อ่านเป็นลำดับ
เช่น 203 คือหัวใจของ เอกเทศสัญญา ต่างๆ 204 ก็คือวิชาทรัพย์ ซึ่งจะต้องอ่านแต่เนิ่นๆ และ 205 หนี้ ก็จะต้องอ่านก่อนเช่นกัน
เมื่อน้องอ่านทั้งสามวิชาให้จบแล้ว
วิชาแพ่งพาณิชย์ ที่เหลือก็ไม่ยากเลย

3. ตอนอยู่ปี 2 น้องควรลงวิชาแพ่งทั้งหมด ไม่ต้องไปสนใจกฎหมายอาญาเลย พออยู่ปี 3 ให้ลงกฎหมายอาญา วิอาญา ไปพร้อมๆ กัน

4. วิชาของปี 4 เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายที่ดิน กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการเมือง และบุคคล กฎหมายการคลัง วิชาเหล่านี้ มาตราไม่เยอะ และท่องจำได้ไม่ยาก หากน้องสามารถลงทะเบียนตอนอยู่ปี 1 หรือ ปี 2 แล้ว น้องจะมีกำลังใจในการเรียนกฎหมายขึ้นเยอะ

5. วิชาที่ควรหลีกเลี่ยง และไม่รีบร้อนลงทะเบียนคือ
กฎหมายรัฐธรรมนูญ
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กฎหมายครอบครัว
นิติปรัชญา
พระธรรมนูญศาลยุติธรรม

6. เมื่อสอบตกวิชาใด ขอให้สอบซ่อมให้ผ่านโดยทันที
7. การอ่านหนังสือนั้น ขอให้ซื้อชีตลุงชาวใต้ คำบรรยายของเทอมก่อน
มาอ่านล่วงหน้า แล้วซื้อวิชานั้น ซ้ำอีกรอบหนึ่ง
ดังนั้น วิชาหนึ่ง น้องจะมีคำบรรยายสองเทอม คือเทอมก่อน และเทอมที่ลงทะเบียน
8. ควรทำข้อสอบย้อนหลังสัก 5 ปี ทำสักสองรอบ ก็จะรู้ว่าข้อสอบจะวนเวียนมาตราอยู่ไม่กี่มาตรา

9. ทำสถิติมาตราที่ออกข้อสอบ เช่น มาตรานี้ เคยออกข้อสอบมาแล้วกี่ครั้ง ในช่วงห้าปีล่าสุด แล้วน้องจะต้องท่องให้ได้ ไม่จำเป็นต้องท่องคำต่อคำ
แต่ขอให้ท่องเป็นคำพูดของเราเอง
กฎหมายมี หลัก และมีข้อยกเว้น น้องจะต้องถอดองค์ประกอบของกฎหมายออกเป็นข้อๆ เพื่อให้ง่ายแก่การท่องจำ
ไม่ใช่ท่องเป็นย่อหน้า แต่ขอใหท่องเป็นข้อๆ เป็นองค์ประกอบของหลักกฎหมาย


กฎหมายของรามคำแหง แบ่งออกเป็น

หลักกฎหมายทั่วไป 101 201 103 ฯลฯ
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 102 203 204 205 208 ... ฯลฯ
กฎหมายอาญา 206 207 301
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 308 กับ 309
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 306 กับ 307
กฎหมายระหว่างประเทศ มีอยู่ 2 เล่ม 403 กับ 405
กฎหมายมหาชน ได้แก่ 401 404 312 202 402 406

ถ้าน้องแบ่งวิชาต่างๆ เป็นกลุ่มๆ แล้ว จะช่วยให้น้องสามารถแบ่งเวลาอ่านหนังสือ และเลือกลงวิชาต่างๆ เป็นกลุ่มๆ
กลุ่มที่สอบผ่านง่าย และควรรีบลงคือ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมหาชน (ยกเว้นกฎหมายปกครอง 312)

ส่วนวิชาที่น้องๆ หลายคนมีปัญหาในการลงทะเบียน สอบตกแล้วตกอีก ไม่ผ่านสักที ได้แก่ 202 307 314 201 312 เป็นต้น
การเรียนกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว ก็ตกงานแน่นอนครับ
ปัจจุบันมีคนหันมาเรียนกฎหมายกันเยอะมาก เพราะอยากเป็นผู้พิพากษา และอัยการ แต่ก่อนที่จะคิดหันเหมาเป็นทั้งสองอาชีพนี้
ขอให้สอบถามผู้ที่รู้ข้อมูลวงในด้วยนะครับ จะรู้อะไรอีกเยอะ

การเรียนกฎหมายที่ดี คือ ต้องรู้หลายๆ อย่าง ไม่ใช่รู้แค่ด้านเดียว ได้แก่
การบริหาร การเงิน บัญชี และอังกฤษ
สาขาเหล่านี้ เป็นสาขาที่ทนายความภายในบริษัททั่วไป จะต้องมีความรู้
เพื่อจะคอยแก้ปัญหาให้แก่บริษัท

กฎหมายที่แต่ละบริษัทต้องการให้นักกฎหมายของบริษัทตอบคือ
กฎหมายแรงงาน มีปัญหาตอนเลิกจ้างพนักงาน
กฎหมายภาษีอากร ต้องคอยค้นข้อกฎหมาย วิธีประหยัดภาษี ให้ฝ้ายบัญชี
กฎหมายหุ้นส่วนบริษัท กรณีเปลี่ยนแปลงกรรมการ ที่อยู่ ฯลฯ
กฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนั้นๆ

การเรียนกฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว เงินเดือนจะได้น้อยมาก
ส่วนเงินเดือนจะอัพตามความรู้ภาษาอังกฤษที่น้องมี
สิ่งสำคัญที่สุดคือ น้องจะต้องฝึกงานทนายความสัก สองถึง สามปี เสียก่อน
ถ้าไม่ฝึกงาน น้องจะไม่รู้เลยว่า เวลามีปัญหาข้อพิพาทแล้วเขาต้องทำอย่างไรบ้าง แม้เงินเดือนจะน้อยมาก แต่ก็ต้องอดทนครับ

หากน้องไปสอบแปดตัว อย่างมากน้องก็ ก็อาจสอบผ่านสัก เจ็ดตัว เหลืออีกหนึ่งตัว ก็ขอให้สอบผ่าน
เพื่อจะได้ไม่ต้องอ่านซ้ำ และไม่มีวิชาที่สะสมหลายวิชา จนรู้สึกท้อใจ
เทคนิคการลงทะเบียนเรียนที่รามในแต่ละภาคเรียนนั้น
ขอให้ดูหนังสือพิมพ์ มร. ให้เลือกวิชาที่สอบไม่ติดกัน
เช่น วันที่ 3 แล้วเว้นไปสอบวันที่ 6 วันที่ 10 วันที่ 15 วันที่ 18 เป็นต้น

เด็ก รามทั่วไปมักจะลงสอบแปดตัว แต่ไปสอบจริงๆ แค่สี่ห้าตัว ก็เพราะอ่านไม่ทัน การเรียนรามให้จบภายในสองปีครึ่ง จะต้องไปสอบครบทั้งแปดวิชา
ต้องเลือก สอบวันไม่ติดกัน มิฉะนั้น ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ โดยเฉพาะกฎหมายซึ่งจะต้องมีเวลาท่องมาตราอย่างน้อย 1 วัน หากสอบตก ก็ไปสอบซ่อมให้ผ่าน

ผมเคยเรียนกฎหมายตกอยู่สามวิชา แต่ผมก็สอบผ่านในครั้งถัดมา
ได้แก่ 207 305 และ 307 จึงทำให้จบเร็วครับ

ถ้ามีใครอยากรู้บัญชี ก็สามารถถามเพิ่มเติมได้นะครับ บัญชีรามเป็นสาขาที่น่าสนใจอีกสาขาหนี่งเลยทีเดียว



หาก น้องไปสอบแปดตัว อย่างมากน้องก็ ก็อาจสอบผ่านสัก เจ็ดตัว เหลืออีกหนึ่งตัว ก็ขอให้สอบผ่าน เพื่อจะได้ไม่ต้องอ่านซ้ำ และไม่มีวิชาที่สะสมหลายวิชา จนรู้สึกท้อใจ




Credit เจ็ดใบ

เีรียนรามฯ 2ปีครึ่ง ทำได้จริงหรือ??


เ้รียนรามฯ 2ปีครึ่ง ทำได้จริงหรือ??
ครับ สำหรับหัวข้อนี้ มีผู้สนใจและอยากรู้มากๆเลยทีเดียว ว่ามันจะทำได้จริงเร้ออ ไอ้2ปีครึ่งเนี่ย มหา'ลัยอื่นนี่เค้าพึ่งจะรับน้องกันเสร็จ ไอ้นี่จะจบแล้วเรอะ ผู้เขียนขอเรียนตรงนี้เลยนะครับ ว่าจริงแท้แน่นอน ด้วยว่ามหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น เปิดให้ลงทะเบียนเรียนเทรมละ24หน่วย และเปิดให้ลงซัมเมอร์อีก12หน่วยกิต โดยปกติแล้วการเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น แต่ละคณะจะกำหนดหน่วยกิตในการจบปริญญาตรีไม่เท่ากัน แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น คณะนิติศาสตร์เรียนทั้งหมด140หน่วยกิต แต่คณะมนุษย์ศาสตร์เรียนทั้งหมด 144หน่วยกิต ซึ่งเมื่อคิดคำนวณดูแล้ว ผู้เขียนขอไล่เีรียงอย่างนี้ครับ 1ปีนั้นจะลงเรียนได้2ภาคเรียนหรือ2เทรม คือเทรมละ 24หน่วยกิต และเปิดให้เรียนซัมเมอร์อีก 12หน่วยกิต รวมเป็น 24+24+12=60 หน่วยกิตต่อปี นั่นก็หมายความว่า ถ้าท่านผู้อ่านเรียนครบ2ปีและเก็บหน่วยกิตได้ทั้งหมดก็จะได้หน่วยกิตสะสมทั้งหมด 120หน่วยกิต เหลืออีกเพียง 20หน่วยกิต ให้เก็บในครึ่งปีสุดท้าย และเมื่อมองดูแล้ว อ้าว เรายังเหลือ4หน่วยกิตนี่ เพราะเราสามารถลงแต่ละเทรมได้24หน่วยกิต นั่นก็หมายความว่า ท่านผู้อ่านที่เคารพมีสิทธิ์ลงกระบวนวิชาซ้ำได้1วิชา ถ้าหากพลาดพลั้งสอบไม่ผ่านหรือขาดสอบนั่นเอง
แต่มีอีกเรื่องนึงครับต่อยอดจากที่กล่าวไปข้างต้น ตอนที่ลงเทรมแรกนั้น ทางมหาวิทยาลัยจะเลือกกระบวนวิชามาให้เราแล้ว20หน่วยกิต ในขั้นตอนการสมัคร ซึ่งหลายๆคนไม่ได้ลงเพิ่มเข้าไปให้เป็น24หน่วยกิต ก็เลยกลายเป็น 20+24+12+24+24+12=116 ในเวลา2ปี สำหรับคณะนิติศาสตร์คงไม่เป็นไรเพราะเมื่อบวกอีกครึ่งเทรมก็จะเป็น140หน่วยกิตพอดี แต่สำหรับคณะมนุษย์ศาสตร์ละ บวกเิพิ่มได้ก็ยังไม่พอ144หน่วยกิต ผู้เขียนขอบอกเลยครับ ว่าไม่เป็นไร แต่อาจจะเหนื่อยซักหน่อย ขอแจงอย่างนี้ครับ ในเทรมสุดท้าย หรือเทรมขอจบนั้น เราสามารถที่จะลงเพิ่มในภาคนั้นๆได้อีก6หน่วยกิต หรือก็คือลงได้30หน่วยกิตในเทรมสุดท้ายหรือ 18หน่วยกิตในภาคสุดท้าย นั่นเอง

เพราะฉะนั้นการจบในเวลา2ปีครึ่งที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นจริงได้แน่ๆ ถ้าเพื่อนๆตั้งใจแน่วแน่และไม่ท้อเสียก่อน



โชคดี2ปีครึ่งครับ ขอบคุณครับ

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

ถาม-ตอบ/จิปาถะ

สำหรับมุมนี้มีไว้เพื่อตอบคำถามข้อสงสัย หรือเล่าเรื่องเล็กๆน้อยๆนะครับ
ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถถามมาได้ทางการคอมเม้นหรือการอีเมล์มาที่ 99feary@hotmail.com

ถาม:ปฐมนิเทศต้องไปไหม
ตอบ: ไม่จำเป็นต้องไปครับ แต่ไปก็ดีนะ เผื่อจะได้รู้จักกับเพื่อนหรือรุ่นพี่ซึ่งวันปฐมนิเทศจะมีรุ่นพี่จะพรรคหรือซุ้มมาชวนน้องๆทำกิจกรรม + คล้ายๆกับเป็นการรับน้อง ไปด้วย ซึ่งผู้เขียจะเขียนอธิบายในบล็อกต่อไป

ถาม: ปี1เรียนที่ไหนหรอ
ตอบ: จริงๆแล้ว มหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้นไม่ได้แบ่งว่าปีไหนเรียนที่ไหน เพราะรามคำแหงมี2สาขา(ส่วนกลาง) คือมีสาขาหัวหมากและบางนา การเรียนที่ไหนนั้น จะขึ้นอยู่กับรหัสที่ลง โดยปกติแล้ว วิชาพื้นฐาน ที่เป็นวิชาบังคับเลือก และพวก EN101 EN102 จะเรียนที่ราม2(รามคำแหงสาขาบา่งนา) โดยจะสังเกตุได้ว่า เทรมแรกนั้นมหาวิทยาลัยจะเป็นคนเลือกลงให้เรา และวิชาทั้งหมดนั้นจะเรียนที่ราม2 โดยจริงๆเราสามารถเลือกที่จะลงเองทั้งหมดหรือลงเพิ่มได้ ซึ่งผู้เขียนจะเขียนอธิบายในบล็อกต่อไป เทคนิคลงเรียนราม

ถาม: ราม2 (บางนา) ไปยังไงค่ะพี่ แล้วสอบที่ไหนด้วย ต้องไปที่ราม2เลยหรอ?
ตอบ:จะไปราม2นั้น สามารถนั่งรถเมย์สาย207 และ182ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยไปได้ หรือเลือกที่จะขึ้นรถตู้ที่อยู่ซอยตรงข้ามเดอะมอลบางกะปิ ซอยที่ติดกับโลตัสบางกะปิเลย แนะว่าวันสอบควรนั่งรถตู้ไป เพราะว่ารถติด คนเยอะ และร้อนมากๆ ส่วนวันสอบนั้นจะมีกำหนดมาจากทางมหาวิทยา ซึ่งต้องดูที่ใบตารางสอบรายบุคคล

ถาม: จรเข้เผือกมีจริงป่ะ ถ้าเห็นแล้วจะจบใน2ปีครึ่งจริงหรือเปล่า
ตอบ:ไม่จริง ฟันธง อย่าไปเชื่อ อย่าไปนั่งดู เสียเวลา หรืออยากจะเชื่อก็ได้ตามใจ แต่ว่าผู้เขียนก็ได้เห็นว่าคนที่จบรามคำแหงเร็วๆ ก็ไม่มีใครเห็นไอ้เข้เผือกนี่ซักคนเลยนะ

ถาม:หนังสือรามคำแหงดีอยู่หรอก แต่หนาจัง กลัวอ่านไม่ทันงะ
ตอบ:ชีทหน้ารามคือคำตอบครับ อ่านเรื่องชีทราม

ถาม:จบปริญาตรี2ปีครึ่งที่รามคำแหงทำได้จริงๆหรอ
ตอบ:จริงแท้และแน่นอน อ่านเรื่องจบรามใน2ปีครึ่ง

ถาม:เรียนรามฯ ต้องไปเรียนทุกวันหรือเปล่า
ตอบ:ไม่จำเป็นครับสำหรับวิชาแลกเชอร์ คือวิชาบรรยายน่ะครับ ไม่ต้องเข้าเรียนเลยซักคาบก็ได้แต่ผู้เขียนแนะนำให้เข้าไปฟังๆบ้างนะครับ อย่างน้อยควรจะเข้าคาบท้ายๆ เพราะอาจารย์ผู้สอนมักบอกขอบเขตหรือแนวข้อสอบให้นั่นเอง ส่วนวิชาLab หรือวิชาปฎิบัติ ซึ่งจะมีอยู่ในคณะวิทยาศาสตร์หรือคณะศึกษาศาตร์เอกพละ จำเป็นต้องเข้านะครับ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าไม่ผ่าน


รามมีแค่นิติศาตร์กับรัฐศาตร์หรอ?




รามมีแค่
นิติศาตร์กับรัฐศาตร์หรอ?
ขอบอกตามตรงเลยว่ามหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น ไม่ได้มีเพียงนิติศาตร์กับรัฐศาตร์ มหาวิทยารามคำแหงนั้น เปิดสอนทั้งหมด 8คณะ ได้แก่
- คณะ นิติศาสตร์
- คณะ บริหารธุรกิจ
- คณะ มนุษยศาสตร์
- คณะ ศึกษาศาสตร์
- คณะ วิทยาศาสตร์
- คณะ รัฐศาสตร์
- คณะ เศรษฐศาสตร์
- คณะ และเทคโนโลยีการสื่อสารมวลชน
จะเห็นได้ว่ามีมากมายหลายคณะ และผู้เขียนก็อยากจะแนะนำอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ สำหรับคนที่สับสนไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรดีระหว่างนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์ ตัวผู้เขียนนั้นอยากแนะนำให้เรียนนิติศาสตร์ครับ เพราะด้วยความหลากหลายในหน้าที่การงาน แม้คู่แข่งในการทำงานจะมีเยอะไปบ้าง(มากเลยล่ะ) แต่การรู้เพียงกฎหมายแม้จะไม่ได้ถึงขั้นไปสอบผู้ช่วย ไปสอบทนาย หรือไปสอบอัยการ ผู้พิพากษาอะไรแล้วก็แล้วแต่ ก็ถือว่ามีคุณค่าในตัวของมันแล้ว จนมีคนพูดกันว่า "อะไรที่รัฐศาตร์ทำได้นิติศาสตร์ก็ทำ" แต่ "อะไรที่ต้องเป็นนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์จะทำไม่ได้" ส่วนคนที่คิดว่า ก็แน่ละสินิติศาสตร์ยากนี่ จำก็เยอะ มาตราเยอะแยะไปหมด ผู้เขียนขอเรียนอย่างนี้ครับ จำเยอะจริงๆอยู่แต่ใช่ว่ารัฐศาตร์จะไม่จำ มันก็มีวิธีการของมัน เรียนคณะอะไรก็ต้องใช้การจำก่อนทั้งนั้นครับ แล้วจึงนำมาวิเคราะหรือใช้งาน ซึ่งหลักการและวิธีเรียนราม นั้น ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงในบทต่อไป รับรองว่าจะช่วยท่านและอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ชัดเจนและจะไม่มีการปิดบังใดๆทั้งสิ้น แต่ขอเพียงใหห้ท่านเข้าใจก่อนว่า การเรียนกฎหมายนั้น ยากครับ แต่ไม่ยากอย่างที่ท่านคิดหรือเกินความสามารถท่านแน่นอน

ขอเรียนเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ

ทำไม ทำไม? ทำไมต้องรามคำแหง?


สวัสดีอีกครั้งท่านผู้อ่าน

สมัย เรียนม.ปลายนั้น ผู้เขียนก็ได้มีโอกาสสอบเอนทรานซ์ สมัยที่สอบนั้นเป็นO-NET A-NET ซึ่งต้องนำผลคะแนนมารวมกับเกรดเฉลี่ยแล้วจึงนำเลือกคณะเพื่อเทียบคะแนนกับ ชาวบ้านชาวช่องเค้า ตัวผู้เขียนสอบเพียงโอเน็ต เพราะด้วยตัวผู้เีขียนนั้น คิดว่าไม่สามารถจะเข้ามหาลัยวิทยาลัยและคณะที่ต้องการได้เป็นแน่ แม้จริงๆแล้วคะแนนโอเน็ตและเกรดเฉลี่ยของผู้เขียนนั้นก็สามารถที่จะเข้ามหา ลัยของรัฐอื่นๆ ในคณะที่รองๆลงมา (ตอนนั้นหวังมธ.กับจุฬา คณะนิติศาตร์) แต่ผู้เขียนก็ได้เลือกที่จะเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในคณะนิติศาตร์ โดยเลือกที่คณะที่สนใจไว้เป็นหลัก เป็นที่แปลกใจและน่าสงสัย จนบัดนี้ผู้เขียนก็ยังไม่เข้าใจ มีเด็กม.ปลายมากมาย ที่เลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยเน้นที่ชื่อเสียงของสถาบันเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงคณะเป็นเหตุผลรองๆ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผู้เขียนอยากให้ลองนึกภาพ มีเด็กม.ปลายคนนึงมีคะแนนระดับกลางๆ ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าจุฬาฯก็ได้ ยังไงก็ต้องเข้า คณะอะไรกูไม่สน อืม ผลสุดท้าย เด็กคนนั้นก็ได้เข้าจุฬาจริงๆ 10ปีต่อ เด็กคนนั้นก็ได้เป็นอาจารย์สอนพละที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง อืม แม่พิมพ์ของชาติน่ายกย่องจริงๆ แต่ถ้ามาพิจารณาคะแนนของเด็กคนนั้นเมื่อ10ปีก่อนละ ถ้าเขาเลือกอีกสถาบันหนึุ่งที่มีคะแนนรองลงมา (คะแนนรองลงมาไม่ได้หมายความว่าสถาบันนั้นอยู่ชั้นรองลงมา โปรดเข้าใจ) เขาอาจะได้งานที่ดีกว่า (ไม่ได้ถึงว่าการเป็นอาจารย์ไม่ดี แต่คุณอยากเป็นไหมล่ะ?) และ เหมาะสมกับเขามากกว่า คิดดูสิเด็กคนนั้นต้องทำงานเป็นครูเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ถ้าเค้าชอบก็ไม่เป็นไร แฮปปี้กันไป แต่ท่านผู้่อ่านที่เคารพ เกิดไม่ชอบละทำไง ราชการครูเกษียนตอนอายุ 60 นะครับพี่น้อง ถ้าเลือกไม่ทำ ไม่มีอะไรกินกันพอดี แก้ปัญหากันไปแล้วกัน
ซึ่งตรงนี้แหละครับ ตรงนี้เอง มหาวิิทยาลัยรามคำแหงได้เปิดโอกาส ให้คุณเลือกชะตาชีวิตคุณ อย่างแท้จริง โดยมีคณะและสาขามากมาย เช่น นิติศาตร์ รัฐศาตร์ เศรษฐศาตร์ มนุษย์ศาตร์ เป็นต้น จะดีกว่าไหมถ้าคุณ มองข้ามช่วง2-3ปีันี้ไป โดยเลือกสนใจอนาคตอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า ว่าคุณจะเป็นใครและเลือกอะไรให้กับสังคม

รับใช้เพียงเ่ท่านี้ ขอบคุณครับ

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

รามคำแหงยินดีต้อนรับ




ทักทายกันก่อน

สวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพ หากท่านหลงทางเข้ามาไซต์แห่งนี้ โปรดเข้าใจด้วยความเคารพว่าไซต์นี้ไม่ใช่เว็บของมหาลัยวิทยาลัย เป็นเพียงแค่บล็อกเล็กๆ ที่จะ Guideline ให้คำแนะนำ เล่าถึงวิถีชีวิตเด็กรามโดยทั่วๆไป รวมทั้งจะแนะนำทริคเท็คนิคต่างๆ ที่แม้แต่เด็กราม(บางคน)ก็ยังไม่รู้(แต่เด็กมหาลัยอื่นรู้ แปลกจังนะ) รวมทั้งเป็นที่เผยแพร่ข่าวสาร วันสอบ วันซ่อม (อันนี้สำคัญนะเออ ติดตามตอนต่อไป) และเป็นที่แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น เกี่ยวกับมหาลัยวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมตอบคำถามที่หลายๆคนอยากรู้(และไม่อยากรู้) ไม่ว่าจะเป็น "พี่คะๆ จะสอบแล้วต้องเตรียมตัวยังไง" "พี่ครับๆ ปฐมนิเทศต้องไปไหมอ่ะ อยากอยู่บ้านเล่นเฟสบุ๊ค ไม่ไปได้ไหมอ่ะพี่" หรือแม้แต่คำถามยอดฮิต "พี่ๆ หนูขอขอบเขต LW 101, LW201 LW202 LW... นะคะพี่" และยังมีสิ่งที่ตอบโจทย์ของหลายๆคน รวมถึงการวิเคราะอคติที่คนทั่วไปมองว่า"มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นมหาวิทยาลัยปลอบใจพวกเอ็นฯไม่ติด" และต่างๆนาๆ นับประการ
อนึ่ง บล็อกนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เขียนเป็นเพียงลูกพ่อขุนคนหนึ่งที่อยากถ่ายทอดเรื่องราว หรือประสบการณ์ชีวิตการเป็นเด็กราม เพื่อ Guideline น้องๆ หรือศิษย์ร่วมสำนัก(ไม่ใช่สำนักกำลังภายในแต่อย่างใด) หากผิดพลาดหรือมีข้อบกพร่องประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย (ลงท้ายเหมือนชีทหน้าราม ซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อไป)

ขอบคุณและสวัสดี

99Feary