
สวัสดีอีกครั้งท่านผู้อ่าน
สมัย เรียนม.ปลายนั้น ผู้เขียนก็ได้มีโอกาสสอบเอนทรานซ์ สมัยที่สอบนั้นเป็นO-NET A-NET ซึ่งต้องนำผลคะแนนมารวมกับเกรดเฉลี่ยแล้วจึงนำเลือกคณะเพื่อเทียบคะแนนกับ ชาวบ้านชาวช่องเค้า ตัวผู้เขียนสอบเพียงโอเน็ต เพราะด้วยตัวผู้เีขียนนั้น คิดว่าไม่สามารถจะเข้ามหาลัยวิทยาลัยและคณะที่ต้องการได้เป็นแน่ แม้จริงๆแล้วคะแนนโอเน็ตและเกรดเฉลี่ยของผู้เขียนนั้นก็สามารถที่จะเข้ามหา ลัยของรัฐอื่นๆ ในคณะที่รองๆลงมา (ตอนนั้นหวังมธ.กับจุฬา คณะนิติศาตร์) แต่ผู้เขียนก็ได้เลือกที่จะเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในคณะนิติศาตร์ โดยเลือกที่คณะที่สนใจไว้เป็นหลัก เป็นที่แปลกใจและน่าสงสัย จนบัดนี้ผู้เขียนก็ยังไม่เข้าใจ มีเด็กม.ปลายมากมาย ที่เลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยเน้นที่ชื่อเสียงของสถาบันเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงคณะเป็นเหตุผลรองๆ ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผู้เขียนอยากให้ลองนึกภาพ มีเด็กม.ปลายคนนึงมีคะแนนระดับกลางๆ ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าจุฬาฯก็ได้ ยังไงก็ต้องเข้า คณะอะไรกูไม่สน อืม ผลสุดท้าย เด็กคนนั้นก็ได้เข้าจุฬาจริงๆ 10ปีต่อ เด็กคนนั้นก็ได้เป็นอาจารย์สอนพละที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง อืม แม่พิมพ์ของชาติน่ายกย่องจริงๆ แต่ถ้ามาพิจารณาคะแนนของเด็กคนนั้นเมื่อ10ปีก่อนละ ถ้าเขาเลือกอีกสถาบันหนึุ่งที่มีคะแนนรองลงมา (คะแนนรองลงมาไม่ได้หมายความว่าสถาบันนั้นอยู่ชั้นรองลงมา โปรดเข้าใจ) เขาอาจะได้งานที่ดีกว่า (ไม่ได้ถึงว่าการเป็นอาจารย์ไม่ดี แต่คุณอยากเป็นไหมล่ะ?) และ เหมาะสมกับเขามากกว่า คิดดูสิเด็กคนนั้นต้องทำงานเป็นครูเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ถ้าเค้าชอบก็ไม่เป็นไร แฮปปี้กันไป แต่ท่านผู้่อ่านที่เคารพ เกิดไม่ชอบละทำไง ราชการครูเกษียนตอนอายุ 60 นะครับพี่น้อง ถ้าเลือกไม่ทำ ไม่มีอะไรกินกันพอดี แก้ปัญหากันไปแล้วกัน
ซึ่งตรงนี้แหละครับ ตรงนี้เอง มหาวิิทยาลัยรามคำแหงได้เปิดโอกาส ให้คุณเลือกชะตาชีวิตคุณ อย่างแท้จริง โดยมีคณะและสาขามากมาย เช่น นิติศาตร์ รัฐศาตร์ เศรษฐศาตร์ มนุษย์ศาตร์ เป็นต้น จะดีกว่าไหมถ้าคุณ มองข้ามช่วง2-3ปีันี้ไป โดยเลือกสนใจอนาคตอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า ว่าคุณจะเป็นใครและเลือกอะไรให้กับสังคม
รับใช้เพียงเ่ท่านี้ ขอบคุณครับ
รูปที่ใช้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเจ้าของblog
ตอบลบ